บทที่ 5 เสริมสร้างกองทัพ รองรับความท้าทาย

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทยด้านสุดท้ายที่เราต้องทำให้สำเร็จ เพื่อพร้อมรับมือและหยิบฉวยโอกาสจาก The Great Disruption ที่กำลังเกิดขึ้น ก็คือ “การเสริมสร้างกองทัพรองรับความท้าทาย” โดยกองทัพไทยต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการและพัฒนาองค์กรให้พร้อมรองรับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงทั้งในปัจจุบันและอนาคต และต้องพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของกองทัพให้พร้อมรองรับภัยคุกคามและความท้าทาย ในทุกมิติ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันประเทศ การรักษาเอกราช อธิปไตย และผลประโยชน์แห่งชาติ

สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคง

สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ก่อให้เกิดเงื่อนไขและความท้าทายในการเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคง ซึ่งในปัจจุบันมิได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะในมิติทางทหารเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปในมิติอื่น ๆ ด้วย ทั้งการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจและการเงิน สังคมจิตวิทยา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสิ่งแวดล้อมและพลังงาน กระทรวง กลาโหมและกองทัพไทยในฐานะหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงของประเทศ จำเป็นต้องพิจารณาความมั่นคงแบบองค์รวมหรือ Comprehensive Security โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน และครอบคลุมทุกภาคส่วนในทุกมิติ

 

สถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน ทั้งความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในกรณีไต้หวัน รวมทั้งข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและประเทศในอาเซียน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการผสมผสานพลังอำนาจแห่งชาติในทุกด้าน เพื่อก่อให้เกิดความได้เปรียบและอำนาจในการเจรจาต่อรอง จนกล่าวได้ว่า หากปราศจากความเข้มแข็งของพลังอำนาจแห่งชาติในมิติอื่น ๆ การปฏิบัติการทางทหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำมาซึ่งชัยชนะในสงครามได้

“กองทัพไทยต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการและพัฒนาองค์กรให้พร้อมรองรับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบันและอนาคต”

เพื่อให้มีความพร้อมรองรับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบันและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กองทัพไทยต้องปรับแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังรบ โดยต้องนำบทเรียนที่ได้รับจากการปฏิบัติการทางทหารในสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ ที่มีการใช้การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attack) ต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของฝ่ายตรงข้าม การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศทั้งในการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite Communication : SATCOM) และการข่าวกรอง การเฝ้าตรวจ และการลาดตระเวนทางอวกาศ (Space ISR) การโจมตีเป้าเหมายด้วยระบบอากาศยานไร้คนขับและอาวุธปล่อยนำวิถี ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของสงครามไปสู่สงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) และการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะการรักษาความมั่นคงในภูมิภาคและการขยายอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในภูมิภาค จนลุกลามเป็นสงครามเฉพาะพื้นที่ในลักษณะสงครามตัวแทน (Proxy War)

 

สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดเงื่อนไขและความท้าทายในการพัฒนากองทัพไทยให้มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจการป้องกันประเทศ การรักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติในทุกมิติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ทั้งนี้ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุกองค์ประกอบอย่างสมดุล รวมทั้งต้องพิจารณาถึงข้อจำกัดด้านกรอบงบประมาณ นโยบายด้านความมั่นคงของรัฐบาล สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคง รูปแบบการปฏิบัติการทางทหาร และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทั้งยังต้องพิจารณาถึงการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศและการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนและการบรรเทาภัยพิบัติ

การดำเนินการในปัจจุบัน

การพัฒนากองทัพไทยเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถกำลังรบของแต่ละเหล่าทัพ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ คุณลักษณะ และขีดความสามารถเฉพาะของแต่ละเหล่าทัพ ส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ ไม่ประสานสอดคล้องกัน การกำหนดแผนพัฒนาขีดความสามารถกำลังกองทัพไทยจึงยังขาดการบูรณาการ ไม่มีทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจน ทั้งนี้ กองทัพไทยได้ริเริ่มกำหนดแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วม โดยเฉพาะการพัฒนาระบบบัญชาการและควบคุมร่วม รวมทั้งการบูรณาการระบบตรวจจับและระบบเครือข่าย เพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจการป้องกันประเทศ การรักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติ ทั้งในภารกิจการรบและการปฏิบัติการทางทหารที่นอกเหนือจากสงคราม (Military Operations Other Than War : MOOTW)

ในปัจจุบัน แม้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารขนาดใหญ่ หรือความขัดแย้งรุนแรงกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนและเผชิญความท้าทายจากการที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาขีดความสามารถกำลังรบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มงบประมาณทางการทหารในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังได้รับการช่วยเหลือทางทหารจากประเทศมหาอำนาจในรูปแบบต่างๆ เช่น การขายและสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ในราคาถูก และความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีการทหาร รวมทั้งอาจถูกดึงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการแพร่อิทธิพลของประเทศมหาอำนาจ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างขีดความสามารถกองทัพไทยตามแนวทางการป้องกันเชิงรุก (Active Defense)

ความท้าทายในการดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

กองทัพไทยต้องกำหนดแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในทุกองค์ประกอบอย่างสมดุล เพื่อเป็นแนวทางให้แต่ละเหล่าทัพนำไปใช้ในการพัฒนาขีดความสามารถ อันจะนำไปสู่การบูรณาการขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations: NCO) โดยเฉพาะในภารกิจการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคง การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดน การรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล ทางอากาศ และทางอวกาศ รวมทั้งการปฏิบัติการทางไซเบอร์ ทางอวกาศ และทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อันจะนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถมุ่งสู่การปฏิบัติการหลายมิติ (Multi-Domain Operations: MDO) เพื่อให้พร้อมรองรับภัยคุกคามและความท้าทายในปัจจุบันและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ กองทัพไทยต้องชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับภาคการเมืองและภาคประชาชน ถึงความสำคัญของการพัฒนาขีดความสามารถทั้งในการเตรียมกำลังและการใช้กำลัง การบูรณาการขีดความสามารถตามแนวคิดการปฏิบัติการร่วมในทุกมิติ และการบริหารความเสี่ยงภายใต้สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคง รวมทั้งการกำหนดแผนการดำเนินการที่ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถกำลังรบในทุกมิติ

การกำหนดแนวคิดการพัฒนากองทัพไทยเพื่อรองรับความท้าทายในอนาคต

เพื่อให้พร้อมรองรับภัยคุกคามและความท้าทายในทุกมิติ กองทัพไทยจำเป็นต้องปรับแผนพัฒนาขีดความสามารถกำลังรบให้มีความสอดคล้องกัน มุ่งเน้นการบูรณาการขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วม ทั้งนี้ สามารถกำหนดแนวคิดการเสริมสร้างกองทัพไทยเพื่อรองรับความท้าทายในอนาคต ประกอบด้วย

  • โครงสร้างกำลังรบที่มีศักยภาพและขีดความสามารถพร้อมรองรับภัยคุกคามและความท้าทายในทุกมิติ ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
  • การบูรณาการขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วมตามแนวคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (NCO) ที่พร้อมรองรับการพัฒนาขีดความสามารถมุ่งสู่การปฏิบัติการหลายมิติ (MDO)
  • การพัฒนาขีดความสามารถกำลังรบให้เท่าทันเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดหาและใช้งานอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างคุ้มค่า
  • การพัฒนาขีดความสามารถอย่างยั่งยืนผ่านการวิจัยและพัฒนา และการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

เป้าหมายในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังกองทัพไทย

เพื่อให้การพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพไทยมุ่งสู่การปฏิบัติการหลายมิติ (MDO) อันเป็นการบูรณาการขีดความสามารถของกำลังรบในทุกมิติ รวมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง มิตรประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร ธรรมชาติ คุณลักษณะ ข้อจำกัด ขีดความสามารถและทรัพยากรที่มีในครอบครอง รวมทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและรูปแบบการปฏิบัติการทางทหารในปัจจุบัน ทั้งยังต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ กองทัพไทยจำเป็นต้องกำหนดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนในการดำเนินการเพื่อให้สามารถดำรงความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจในสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบันและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะระเบียบโลกใหม่ การรักษาความมั่นคงในภูมิภาค และการรักษาสมดุลด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศมหาอำนาจ

ทั้งนี้ กองทัพไทยต้องมีขนาดที่เหมาะสม เน้นในการพัฒนาเชิงคุณภาพให้ทันสมัย เท่าทันต่อเทคโนโลยี และมีจำนวนที่เพียงพอ บนพื้นฐานของความพอเพียงและความมีเหตุผลตามสถานการณ์จริง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามและความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งยังต้องมีโครงสร้างกำลังรบที่ยืดหยุ่น ไม่ซับซ้อน พร้อมรองรับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการบังคับบัญชาและควบคุมผ่านระบบเครือข่ายที่เข้มแข็งและมีเสถียรภาพ เพื่อให้ทุกภาคส่วนตระหนักรู้ซึ่งปัจจัยสำคัญยิ่งต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ

 

ข้อเสนอในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังกองทัพไทย

เพื่อให้พร้อมรองรับการปฏิบัติภารกิจการป้องกันประเทศ การรักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติ นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 66 จึงได้คัดเลือกข้อเสนอที่จะเป็น Game Changers สำคัญ 2 เรื่อง ที่เป็น Center of Gravity ที่จะช่วย “เสริมสร้างกองทัพ รองรับความท้าทาย” โดยกองทัพไทยจำเป็นต้องยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และเท่าทันเทคโนโลยี ภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ โดยมีองค์ประกอบในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังกองทัพไทย ประกอบด้วย

  1. การพัฒนาขีดความสามารถมุ่งสู่กองทัพไทยที่พร้อมรองรับความท้าทายในอนาคต (RTARF NEXT) และ
  2. การผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (Defense Industry)