จุดเปลี่ยนที่ 12 “ผลักดัน Defense Industry”

ในสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบัน รัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพไทยต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (Defense Industry) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันประเทศ การรักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติ โดยอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เข้มแข็งมิได้ก่อให้เกิดประโยชน์เฉพาะกับพลังอำนาจทางทหารของประเทศเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงพลังอำนาจทางการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และพลังอำนาจทางเศรษฐกิจด้วย ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการตอบสนองต่อวิกฤติการณ์ความขัดแย้งได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

รัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพไทยต้องส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ไม่สามารถจัดหาได้จากต่างประเทศ และเทคโนโลยีที่กองทัพไทยและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยมีศักยภาพในการพัฒนาและผลิตใช้งานได้เองในประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

Game Changers

เพื่อ “ผลักดัน Military Industry”

ข้อเสนอที่ 1: นโยบายด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศผ่านมาตรการและนโยบายที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศผ่านมาตรการทางภาษีและการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาล การผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีป้องกันประเทศ การกำหนดนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์สำหรับรายการที่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยสามารถผลิตได้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศโดยเฉพาะการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (Defense Security Technology & Industry Park) การแสวงประโยชน์จากนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defense Offset Policy) ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer) ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ การมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยในโครงการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain การลงทุนจากต่างประเทศ การขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์หรือยุทโธปกรณ์ที่ผลิตขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการบริหารจัดการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน การวางแผนที่ชัดเจน และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระยะยาวได้

ข้อเสนอที่ 2: การวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ

รัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพไทยต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยต้องพัฒนาระบบงานวิจัยและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ สามารถขยายผลไปสู่การปฏิบัติได้จริง ประยุกต์ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีศักยภาพ เช่น Big Data, Machine Learning, Artificial Intelligence และ Robotics เป็นต้น เพื่อสร้างนวัตกรรมรองรับและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในทุกมิติ โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพหรือการลดค่าใช้จ่าย ทั้งยังต้องสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างกองทัพไทย สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ด้วยการสร้างเสริมศักยภาพและขีดความสามารถของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย